2 ปัญหาหลัก ที่ทำให้เราไม่มีเงินเก็บ

            ย้อนกลับไปเมื่อก่อนนี้ สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ยังมีราคาถูก เงิน 1 บาทสามารถซื้อของได้หลายชิ้น แต่เดี๋ยวนี้ลูกอม 2 เม็ดยังคงหาซื้อยากในราคา 1 บาท หรือว่าเมื่อก่อนทองบาทละ 4,000 แต่เดี๋ยวนี้ทองบาทละ 20,000 จะเห็นว่าราคามันเพิ่มขึ้นมา 4-5 เท่า นั่นแปลว่าเมื่อเวลาผ่านไป เราต้องใช้เงินซื้อสิ่งๆ เดิมในราคามากขึ้น หรือบริโภคได้น้อยลงเมื่อเทียบกับเงินจำนวนเท่าเดิมในสมัยก่อน เราเรียกสิ่งนี้ว่าเงินเฟ้อ 



        ในปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากจะอยู่ประมาณที่ 1-2% เท่านั้น แต่เงินเฟ้อจะอยู่แถวๆ 3% นั่นหมายความว่าถ้าเราเอาแต่ฝากเงินอย่างเดียว เงินในกระเป๋าเราก็มีแนวโน้มลดลงอยู่ดี ซึ่งก็ถือเป็นความเสี่ยงทางการเงินอย่างหนึ่ง ดังนั้นเราถึงต้องมีการบริหารการเงินเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้  

        แต่มนุษย์เงินเดือน ที่ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือนก็ยากพอแล้ว แล้วจะเอาเงินไหนมาเก็บ แค่เปลี่ยนพฤติกรรม เราก็มีเงินเก็บได้ ซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาในการเก็บเงินมี 2 ข้อหลักดังนี้

        1. พฤติกรรมการใช้จ่ายส่วนตัว โลกทุกวันนี้มันเร็วไปหมด มีเวลาให้คิดตัดสินใจน้อย และทุกอย่างง่ายขึ้นมาก เวลาอยากได้อะไรก็ไม่ต้องไปเดินหา แค่เปิดดูในเน็ต แล้วก็สั่งซื้อ โอนเงินผ่าน internet banking ต่างๆ ก็ได้ ทำให้รายจ่ายบานปลาย กระเป๋าเงินรั่วไม่รู้ตัว ดังนั้นสิ่งแรกที่เราควรทำคือการควบคุมรายจ่าย อาจจะใช้บัญชีจดรายรับ รายจ่าย เพื่อหารูรั่วของกระเป๋าตังเรา แล้วอุดรอยรั่วนั่นซะ

        2. ไม่มีแผนการเงิน เงินเดือนออก วันแรกๆ ก็หมดไปกับรายจ่ายจำเป็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ และรายจ่ายแปรผัน ที่เป็นไปตามกิเลส ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ไปเที่ยว สังสรรค์ ทำให้พอถึงสิ้นเดือนก็แทบไม่มีเงินเหลือ เราสามารถมีเงินเก็บได้ง่ายๆ แค่เปลี่ยนสมการจาก

รายได้ – รายจ่าย = เงินลงทุน

รายได้  เงินลงทุน = รายจ่าย


        เพื่อที่เราจะได้บริหารเงินในการจัดการชีวิตอีก 30 วันที่เหลือยังไงกับเงินที่มีอยู่ได้ง่ายขึ้น โดยเงินลงทุนที่เราเก็บ ไม่ควรต่ำกว่า 10% และควรแยกบัญชีไว้ ไม่เอาออกมาใช้ เพื่อให้ดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อย (ผู้อ่านอาจใช้วิธีหักเงินอัตโนมัติทุกๆ ต้นเดือนก็ได้) 



*** ข้อควรระวังในการลงทุน คืออย่าลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ และมีวินัยสม่ำเสมอด้วยนะคะ


...............................................................................................................


Time Change, Things Change 

เวลาเปลี่ยน สิ่งต่างๆก็เปลี่ยน


ความคิดเห็น