ทฤษฎีว่าด้วยเรื่องของกฏแรงดึงดูด
วิวัฒนาการของมนุษย์มีมามากกว่าสองแสนปีมาแล้ว
แต่ก็ยังถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่มากเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น
มนุษย์สามารถสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่ได้ ทั้งอารยธรรม วัฒนธรรม ภาษา
และสิ่งอื่นๆ อีกมากมายแตกต่างจากสัตว์ นั่นก็เพราะมนุษย์มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า สติสัมปชัญญะนั่นเอง
ที่ทำให้มนุษย์แตกต่างออกไป สามารถแยกแยะถูก-ผิดได้ รู้ว่าสิ่งไหนควรทำ
สิ่งไหนไม่ควรทำ และมีกิเลสตัณหา รัก โลภ โกรธ หลง ตามความเจริญทางวัตถุต่างๆ
ที่มากขึ้นหากขาดสติ
รอนดา เบิร์น ผู้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า
เดอะซีเคร็ต ได้กล่าวถึงเรื่องของ ความคิดที่สามารถดึงดูดสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้ กล่าวคือถ้าเราอยากได้สิ่งไหนให้คิดถึงสิ่งนั้นผ่านกระบวนการขอ
การเชื่อ และการรับ
กระบวนการขอ เป็นการตั้งจิตอธิษฐาน บอกสิ่งที่เราต้องกับกับตัวเอง ไม่ใช่จักรวาล
เพื่อตอกย้ำถึงสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดกับตัวเราเอง
กระบวนการเชื่อ ให้เชื่อถึงสิ่งที่เราต้องการ มั่นใจในสิ่งนั้น และที่สำคัญที่สุดคือ
การเชื่อมั่นในตนเอง เชื่อว่าตนเองสามารถทำสิ่งนั้นให้เกิด หรือมีสิ่งนั้นได้
ซึ่งการเชื่อเป็นเรื่องของความศรัทธา เมื่อเราศรัทธาต่อสิ่งใด เราก็จะทุ่มเทชีวิตทั้งกาย
และใจ เพื่อสิ่งให้ได้สิ่งนั้นมา
กระบวนการรับ เป็นการสร้างภาพที่เราเห็นในอนาคต และรู้สึกต่อสิ่งนั้น ซึ่งการรับถือว่าเป็นหลักการสุดท้ายที่ยากที่สุด
เพราะความคิดคือสมองเป็นส่วนของรูปธรรมที่เราสามารถบังคับได้
แต่ความรู้สึกเป็นเรื่องของจิตใจเป็นส่วนของนามธรรมเราไม่สามารถบังคับความรู้สึกส่วนลึกให้รู้สึกหรือสัมผัสถึงมันได้ง่ายๆ
เพราะความจริงกับสิ่งที่คิดมันต่างกัน เช่น คนที่คิดอยากรวย แต่ตอนนี้ยังเป็นหนี้
ต้องหาเงินจ่ายค่านู้น ค่านี่ หมุนเงินแทบไม่ทัน
แล้วจะให้พอใจกับความร่ำรวยที่ตัวเองมีอยู่ตอนนี้ได้ยังไง เป็นต้น
แล้วจะทำยังไงให้ใช้กฎแรงดึงดูดได้ล่ะ
เมื่อในความจริงยังเห็นอยู่ว่าเราขาดสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้
คือการคิดถึงสิ่งที่คุณมี ตอกย้ำถึงสิ่งที่คุณมี
อย่างน้อยคุณยังมีแขนขาที่เงินไม่สามารถซื้อได้ เพราะต่อให้เอาเงินมาซื้อ คุณก็คงไม่ขาย
พยายามเห็นคุณค่ากับสิ่งที่ตนเองมีก่อน เพราะถ้าเราไม่เห็นคุณค่ากับสิ่งที่มี
เราจะรู้สึกขาด และไม่พอใจกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ตอนนี้
จงอย่าผูกความสุขไว้กับเป้าหมายในอนาคต
แต่ให้เป็นสุขทุกช่วงในระหว่างการเดินทางไปถึงเป้าหมาย พยายามคิดถึงสิ่งที่เป็นบวกเสมอ
อย่าลืมว่าในแต่ละวันคุณจะได้รับอิทธิพลจากแรงดึงดูดทางความคิดของคนอื่นอยู่เสมอ
แต่สติสัมปชัญญะ จะเป็นตัวช่วยคัดสิ่งที่เป็นบวกกับลบให้คุณ
ถ้าคิดลบต่อเหตุการณ์ใด คุณก็จะดึงดูดเหตุการณ์นั้นเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉะนั้นฝึกคิดในทางบวกเข้าไว้ สิ่งลบที่เกิดขึ้นในชีวิตต่างๆ
พยายามใช้ปัญญาวิเคราะห์และหาสิ่งบวกที่ซ่อนอยู่ในลบ เพราะสุดท้ายสิ่งที่เหมือนกัน
มักถูกดึงดูดเข้าหากันเสมอ
สุดท้ายนี้ถ้าให้คิดตามหลักความจริงแล้วเราคงไม่สามารถที่จะดึงดูดทุกอย่างเข้ามาในชีวิตโดยการคิดได้
เพราะถ้าเราคิดอย่างเดียว แต่ไม่มีการ Take action สิ่งต่างๆ ก็คงไม่เกิด
เพราะฉะนั้นกฎแรงดึงดูดจึงเปรียบเสมือนตัวที่ทำหน้าที่เป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจ
สร้างแรงขับเคลื่อนต่างๆ จนเกิดเป็นการกระทำนำไปสู่ความสำเร็จซะมากกว่า และเป็นตัวที่ช่วยให้เห็นถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่เรามีอยู่ก่อน
เพราะหากคุณปรารถนาสิ่งใด คุณต้องเรียนรู้ที่จะรู้สึกถึงสิ่งนั้นก่อน
เช่นนี้คุณถึงจะได้สิ่งที่ต้องการ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น