บทความ

เดี๋ยวเล่าให้ฟัง : การเงิน 101 เขียนโดย MONEY BUFFALO

รูปภาพ
              พื้นฐานเรื่องเงินที่ใครหลายๆ คนควรมีคือ การวางแผนทางการเงิน เพื่อทำตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อเกษียณ การศึกษาบุตร หรือแม้กระทั่งเพื่อความฝันก็ตาม เพราะทุกความฝันย่อมมีราคา เราจึงต้องรู้เป้าหมาย ราคาความฝัน ระยะเวลา และแบบแผนในการลงมือทำของเรา             ตัวอย่างเช่น นุ่นต้องการ ดาวน์รถ ราคา 1,000,000 บาท ในระยะเวลา 12 เดือน โดย ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน 8 % เป็นต้น             และสำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่ใช้เงินกันแบบเดือนชนเดือนอยู่ก็สามารถมีเงินออมได้ แค่เปลี่ยนสมการเงินออมจาก รายได้ – ค่าใช้จ่าย = เงินออม   เป็น   รายได้ – เงินออม = ค่าใช้จ่าย             ส่วนใครที่บ่นอยากรวย แต่ยังวิ่งออกไปซื้อหวย เพราะเห็นคนอื่นถูก ก็อยากถูกแบบเขาบ้างนั้น เงินส่วนมากที่ได้มาง่ายๆ ก็มักจะออกไปง่ายๆ เหมือนกัน หนังสือเล่มนี้จึงมีคาถาที่ช่วยให้ทุกคนร่ำรวย คือ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายเงินออม”              1. เพิ่มรายได้ หรือผลตอบแทนจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ                         - Active income งานที่ใช้แรง หรือเวลาแลกผลตอบแทน เช่น งานประจำ Freelan

เดี๋ยวเล่าให้ฟัง : สรุปหนังสือ คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น

รูปภาพ
             หนังสือเรื่องคิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น เป็นผลงานเขียนของฮอนดะ เคน ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเคล็ดลับความสำเร็จของชายชราชาวยิว ที่ประกอบธุรกิจเพชรจนสำเร็จนามว่าเกลเลอร์ ผ่านบทสนทนา โดยหนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น  17  บท ตามชื่อเคล็ดลับของคุณ"เกลเลอร์" ซึ่งขอสรุปคร่าวๆ ดังนี้              เคล็ดลับที่  1  รู้จักกลไกสังคม   ค่าตอบแทนที่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของผลงาน เมื่อเราทำงานที่ชอบเราจะทุ่มเทกายใจให้กับมันได้ สุดท้ายผลงานที่ออกมาจะมีคุณภาพเสมอ             ในโลกนี้จะมีคน  2  ประเภท คือคนที่มีอิสรภาพ กับคนที่ไร้อิสรภาพ เช่น ข้าราชการ หรือแม้แต่เจ้าของธุรกิจที่ัต้องทำงานเอง แต่ถ้าคุณมีระบบรองรับ หรือบุคลากรที่สามารถดำเนินงานแทนคุณได้ คุณก็สามารถย้ายจากฝั่งไร้อิสรภาพมาเป็นฝั่งอิสรภาพได้ ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับจุดยืนของเราว่าจะอยู่ฝั่งไหน              เคล็ดลับที่  2  รู้จักตนเองและทำในสิ่งที่ชอบ   การได้ทำสิ่งที่ชอบจะทำให้คุณสามารถทุ่มเทกายใจไปกับสิ่งที่คุณเลือกได้ แม้จะไม่ได้เงินหรือเสียงชื่นชมจากตนรอบข้าง แต่มันก็ยังทำให้เราสนุกได้ แต่กลับกันถ้าคุณทำในสิ่งที่ไม่ชอบต่อให้ได้

คาเฟอีนทำงานยังไง และทำไมกินกาแฟแล้วยังรู้สึกง่วงนอน

รูปภาพ
              คาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารจากพืชที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟ ปริมาณคาเฟอีนที่มีจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และกรรมวิธีในการเตรียม เช่น เมล็ดกาแฟที่คั่วจนมีสีเข้มจะมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าเมล็ดที่คั่วไม่นาน เนื่องจากคาเฟอีนสามารถสลายตัวไปได้ระหว่างการคั่ว เป็นต้น ซึ่งคาเฟอีน (Caffeine) มันจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว และกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง โดยขัดขวางการทำงานของสารเคมีที่ทำให้รู้สึกง่วงนอนที่ชื่อว่าอะดรีโนซีน (Adrenosine)             อะดรีโนซีน (Adrenosine) ได้มาจากการสลายสารพลังงานสูงที่ชื่อว่า ATP (Adenosine triphsosphate) ได้เป็นพลังงานออกมาใช้ในร่างกาย ซึ่งในกระบวนการนี้ร่างกายจะมีการปล่อยอะดรีโนซีน (Adrenosine) ออกมาด้วย และเมื่ออะดรีโนซีน (Adrenosine) จับกับตัวรับที่ระบบประสาทจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี ส่งผลให้ระบบประสาททำงานช้าลง และทำให้ง่วงนอนนั่นเอง             ส่วนคาเฟอีน (Caffeine)  จะมีรูปร่างโมเลกุลคล้ายกับอะดรีโนซีน (Adrenosine) มันจะขัดขวางการทำงานของอะดรีโนซีน (Adrenosine) โดยการจับกับตัวรับที่ระบบประสาทแทนที่อะดรีโนซีน (Adrenosine) และทำให้เรารู้สึกตื่นตัว  

ว่าด้วยเรื่องของ “นม”

รูปภาพ
              นม ถือเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่มีประโยชน์มาก เราบริโภคนมกันตั้งแต่เด็กๆ ในนมประกอบไปด้วยสองส่วนหลักๆ คือ น้ำ กับ ส่วนของของแข็ง 2 ตัว คือ ไขมัน (butterfat) กับของแข็งที่ไม่ใช่ไขมัน (Solid Not Fat) ซึ่งได้แก่ โปรตีน น้ำตาล แร่ธาตุ และวิตามิน             สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถผลิตนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ สายพันธุ์ การกิน และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย แต่โดยทั่วไปผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมบริโภคผลิตภัณฑ์นมที่มาจากสัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระเพาะ 4 ส่วน ทำให้สามารถผลิตนมในปริมาณมากได้ และจากสัตว์ทังหมด วัวถือเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายที่สุด และมีค่าไขมันใกล้เคียงกับของมนุษย์             แต่เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคนมของมนุษย์ที่มีมาก โรงงานต่างๆ จึงได้มีหาวิธีการเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์นม เช่น             เครื่องปั่นเหวี่ยงเพื่อแยกไขมันออกจากน้ำนม สิ่งที่ได้ออกมา คือ นมพร่องมันเนย (Skim milk) และไขมัน ( Butterfat) ซึ่งสามารถนำไปทำเนย ครีม ชีส หรือเติมกลับเข้าไปในนมใหม่เพื่อให้ได้ค่าองค์ประกอบในน

ทำไมเราถึงง่วงนอน แล้วทำไมเราถึงต้องนอน

รูปภาพ
            การนอนหลับถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญของร่างกาย ในช่วงเวลาที่เราหลับลึกร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า Growth hormone ออกมาเพื่อซ่อมแซม ฟื้นฟูร่างกาย และในวัยเด็ก Growth hormone ยังเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตอีกด้วย ซึ่งในแต่ละช่วงอายุจะมีเวลาที่ควรนอนหลับต่างกัน เนื่องมาจากความแตกต่างในการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย             ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับมีอยู่ 3 ปัจจัย คือ             1. ระยะเวลาที่ตื่นนอน เนื่องจากขณะตื่นสมองจะมีการผลิตสารอะดรีโนซีน (Adrenosine) และสะสมในสมอง ยิ่งเราตื่นนอนมาแล้วหลายชั่วโมง สารเคมีตัวนี้ก็จะยิ่งมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกง่วงนอน             2. นาฬิกาชีวิต (Biological clock) หรือจังหวะชีวิตของร่างกาย เช่น ฮอร์โมนที่หลั่งในเวลาต่างๆ ไม่เท่ากันอย่างตอนกลางคืนจะมีฮอร์โมนเมลาโทนิน ( Malatonin) หลั่งออกมาเพื่อให้หลับได้ง่ายขึ้น เป็นต้น             3. ความมืด และความสว่างโดยอาศัยดวงตาเป็นตัวรับ คือ ถ้ามืดนาฬิกาชีวภาพของเราก็จะเริ่มส่งสัญญาณให้มีการสร้างฮอร์โมน เมลาโทนิน ( Malatonin) ออกมาโดยสมองส่วน Pineal Gland แต่พอตอนเช้าก็จะส่งสัญญาณให้ลดสาร

กฎการนอน 90 นาที ที่จะช่วยให้คุณตื่นเช้ามาอย่างสดชื่น

รูปภาพ
            การนอนตอนหัวค่ำถือเป็นเรื่องยากของใครหลายคน แต่ยากกว่าการนอนหัวค่ำคือการตื่นนอน หลายคนตื่นมาแล้วก็ยังรู้สึกงัวเงีย ไม่สดชื่น หรือบางคนแม้จะหลับมายาวนานหลายชั่วโมง แต่ก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ดี ถ้าใครรู้สึกแบบนี้ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะมีอีกหลายคนที่เป็นแบบนี้ วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกับ “กฎการนอน 90 นาที” ที่จะช่วยให้คุณตื่นมาด้วยความสดชื่นกันค่ะ             โดยปกติแล้วการนอนหลับของเราจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ             1. Non Rapid Eye Movement – NREM ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 3 ระยะ                  - ระยะที่ 1 เริ่มหลับ โดยทั่วไปจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 5-10 นาที ในระยะนี้สมองของเราจะทำงานช้าลง ถ้าถูกปลุกในระยะนี้ เราจะไม่ค่อยรู้สึกงัวเงีย หรืออาจจะรู้สึกว่ายังไม่ได้นอน                  - ระยะที่ 2 ช่วงรอยต่อระหว่างเริ่มหลับไปยังหลับลึก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในระยะนี้หัวใจจะเริ่มเต้นช้าลง มีการกระตุ้นการทำงานของสมองในส่วนการเก็บข้อมูลความจำระยะสั้น                  - ระยะที่ 3 ช่วงหลับลึก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระยะนี้ร่างกายจะมีการหลั่ง Growth hormone เพื่อฟ

เดี๋ยวเล่าให้ฟัง : สรุปหนังสือ ชีวิตติดปีกด้วยศิลปะแห่งการช่างแม่ง

รูปภาพ
              หนังสือชีวิตติดปีกด้วยศิลปะแห่งการช่างแม่ง เขียนโดย Mark Manson เป็นหนังสือในหมวดพัฒนาตนเองเล่มหนึ่ง ที่ช่วยให้คุณได้หันกลับมามองค่านิยมต่างๆ ที่ผิดเพี้ยน และการให้ความสำคัญกับบางอย่าง             บทแรก Manson ได้พูดถึงเรื่องความพยายาม ว่าอย่าพยายามจะเป็นมากกว่าสิ่งที่เราเป็น เพราะทุกวันนี้สิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ว่าจะสื่อออนไลน์ หรือสังคมรอบข้างทำให้เราหมกมุ่นอยู่กับความโลกสวยว่า จงมีความสุข จงเก่ง จงเป็นที่หนึ่ง ฯลฯ คำพูดพวกนี้กำลังทำให้คุณยึดติด และตอกย้ำในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็น เพราะคนที่มีความสุข เขาคงไม่มีทางมายืนหน้ากระจกแล้วพูดซ้ำๆ กับตัวเองว่าฉันมีความสุขหรอก เพราะเขาเป็นสุขอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นยิ่งคุณตามหาความรู้สึกดีๆ เท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้สึกพอใจน้อยลง เราเรียกกฎนี้ว่า “กฎแห่งการย้อนกลับ” เพราะฉะนั้นก็ช่างแม่งมันแล้วกัน             แต่การช่างแม่งไม่ใช่การพูดว่าไม่สนโว๊ยกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่เป็นการเลือก แคร์เฉพาะบางสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะปัญหาต่างๆ ในชีวิตเราที่ไหลเข้ามาไม่หยุด ถ้าหากคุณคิดที่จะมองข้ามอุปสรรค คุณต้องแคร์อะไรก็ตามที่สำคัญกว่าอุปสรรคก่อน แต